หม้อแปลงน้ำมันเนเชอรัล อีสเตอร์ (FR3) ดีกว่าหม้อแปลงแบบแห้ง (Cast Resin) อย่างไร ?

มาเริ่มทำความรู้จักหม้อแปลงทั้ง 2 ชนิดนี้ก่อน…

  • หม้อแปลงน้ำมันเนเชอรัล อีสเตอร์ (FR3) 

เป็นหม้อแปลงไฟฟ้าที่ใช้น้ำมันหม้อแปลงเนเชอรัล อีสเตอร์ (FR3) เป็นฉนวนไฟฟ้าและยังเป็นตัวช่วยระบายความร้อนจากขดลวดสู่ภายนอกหม้อแปลงอีกด้วย ซึ่งน้ำมันหม้อแปลง FR3 นี้มีคุณสมบัติในการเป็นฉนวนไฟฟ้าได้ดีและยังมีจุดติดไฟสูงถึง 360°C

  • หม้อแปลงแบบแห้ง (Cast Resin)

เป็นหม้อแปลงไฟฟ้าที่ใช้เรซิ่น (Resin) เป็นฉนวนไฟฟ้า โดยเรซิ่นเป็นสารที่ได้จากการสังเคราะห์ มีความแข็งแรง ไม่เปราะ และมีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดี 



ข้อดี-ข้อเสียของหม้อแปลงน้ำมันเนเชอรัล อีสเตอร์ (FR3) เมื่อเปรียบเทียบกับหม้อแปลงแบบแห้ง (Cast Resin) นั้นสามารถแบ่งออกเป็นหัวข้อใหญ่ๆ ดังนี้

        1.  ต้นทุน : 

หม้อแปลงน้ำมันเนเชอรัล อีสเตอร์ (FR3) มีต้นทุนที่ดีกว่า ทั้งในด้านราคาหม้อแปลงไฟฟ้า (Prices) และในด้านความสูญเสียทางไฟฟ้า (Losses) ขณะที่ใช้งาน เมื่อเทียบที่หม้อแปลงขนาดเดียวกัน อีกทั้ง ยังมีต้นทุนในการบำรุงรักษาในระยะยาวที่ถูกกว่าหม้อแปลงแบบแห้ง (Cast Resin) อีกด้วย

        2.  การบำรุงรักษาและการปรับปรุงคุณภาพฉนวน : 

หม้อแปลงน้ำมันเนเชอรัล อีสเตอร์ (FR3) สามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของหม้อแปลงผ่านการทดสอบ Dissolved Gas Analysis (DGA) อีกทั้ง ยังสามารถตรวจสอบคุณภาพฉนวนอื่นๆได้อีกด้วย เช่น ค่าความคงทนต่อแรงดันไฟฟ้า (Dielectric Breakdown Voltage Test: DBV), ค่าความชื้นในน้ำมัน (Water Content) เป็นต้น ซึ่งหม้อแปลงแบบแห้ง (Cast Resin) ไม่สามารถทำได้ เพียงแต่สามารถตรวจสอบ Partial Discharge (PD) ในหม้อแปลงแบบแห้งได้เท่านั้น

เนื่องด้วยหม้อแปลงน้ำมันเนเชอรัล อีสเตอร์ (FR3) ยังสามารถปรับปรุงคุณภาพฉนวนน้ำมันในหม้อแปลงที่มีอายุใช้งานที่ยาวนานจนฉนวนมีการเสื่อมประสิทธิภาพลง อันเกิดมาจากอุณหภูมิ (โหลด), ความชื้น, หรือการออกซิเดชั่นที่เกิดภายในหม้อแปลง โดยการกรองน้ำมันหรือเปลี่ยนน้ำมันใหม่

        3.  ประสิทธิภาพ :

หม้อแปลงน้ำมันเนเชอรัล อีสเตอร์ (FR3) มีการสูญเสียทางไฟฟ้า (Losses) ที่ดีกว่าหม้อแปลงแบบแห้ง (Cast Resin) และยังมีความสามารถในการถ่ายเทความร้อนที่ดีเยี่ยม จึงส่งผลให้แปลงน้ำมันเนเชอรัล อีสเตอร์ (FR3) ให้ประสิทธิภาพพลังงานที่ได้มาตรฐานมากกว่าหม้อแปลงชนิดแห้ง (Cast Resin) อีกทั้ง ยังช่วยยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย

        4.  เสียงรบกวน

หม้อแปลงน้ำมันเนเชอรัล อีสเตอร์ (FR3) ทำให้เกิดมลพิษทางเสียงน้อยกว่าหม้อแปลงชนิดแห้ง (Cast Resin)เนื่องจากระดับเสียงในการทำงานที่ต่ำกว่า

        5. สิ่งแวดล้อม

เนื่องจากเนเชอรัล อีสเตอร์ (FR3) สามารถย่อยสลายได้เองทางชีวภาพ ซึ่งหมายความว่าในกรณีที่เกิดการรั่วไหล น้ำมันจะสลายตัวตามธรรมชาติโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับหม้อแปลงไฟฟ้าที่ถูกตั้งอยู่ใกล้ระบบนิเวศที่อ่อนไหว แหล่งน้ำ หรือพื้นที่ในเมืองที่การปนเปื้อนอาจส่งผลร้ายแรงต่อคนและสิ่งมีชีวิตโดยรอบได้ ในขณะที่เรซิ่นที่นำมาหล่อเป็นฉนวนไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และย่อยสลายได้ยากจึงจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการที่เฉพาะเจาะจง เพื่อไม่ใช้กระทบกับสิ่งแวดล้อม

        6.  พื้นที่การติดตั้ง

ปัจจุบันนี้ หม้อแปลงน้ำมันเนเชอรัล อีสเตอร์ (FR3) ได้รับอนุญาติใช้ในอาคารได้เหมือนหม้อแปลงชนิดแห้ง (Cast Resin) เนื่องจากน้ำมันเนเชอรัล อีสเตอร์ (FR3) เป็นฉนวนเหลว K-Class ที่มีจุดติดไฟสูงถึง 360°C จึงยืนยันได้ว่าจะไม่เป็นอันตรายต่อคนและสิ่งมีชีวิตในตัวอาคาร 

จากที่ได้กล่าวไปในข้างต้น ทำให้ยืนยันได้ว่าหม้อแปลงน้ำมันเนเชอรัล อีสเตอร์ (FR3) ดีกว่าหม้อแปลงแบบแห้ง (Cast Resin) ในทุกด้านๆ และสามารถใช้งานหม้อแปลงน้ำมันเนเชอรัล อีสเตอร์ (FR3) เพื่อทดแทนหม้อแปลงแบบแห้ง (Case Resin) ได้อย่างมั่นใจ

ในประเทศไทย เริ่มใช้กับหม้อแปลงน้ำมันเนเชอรัล อีสเตอร์ (FR3) ในชุดยูนิต-สับสเตชั่น (Unit-Substation) ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน ภายใต้การดูแลของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และขยายไปยังพื้นที่หัวเมืองหลัก เช่น นครราชสีมา, เชียงใหม่, และภูเก็ตภายใต้การดูแลของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ด้วยชุดยูนิต-สับสเตชั่น (Unit-Substation) นั้น ได้ถูกติดตัั้งอยู่ในชุมชนเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย อีกทั้งยังถูกใช้งานในโครงการ Solar floating, Wind turbine, และกลุ่ม Data Center

หากมีความตัองการอัพเดตข่าวสารและสาระความรู้เกี่ยว น้ำมัน FR3® เพิ่มเติม สามารถย้อนอ่านบทที่น่าสนใจความก่อนหน้านี้ได้ และล่าสุดได้มีการพูดถึงในหัวข้อที่ว่า “คุณเคยกังวลว่าหม้อแปลงไฟฟ้าที่อยู่ใกล้คุณจะเกิดไฟไหม้อยู่หรือไม่?” 


โพสต์โดย Phoonnichaya
ที่ February 4, 2025 ที่ 00:17

สั่งซื้อ กลับไปหน้าหลัก