คุณเคยกังวลว่าหม้อแปลงไฟฟ้าที่อยู่ใกล้คุณจะเกิดไฟไหม้อยู่หรือไม่


บทเรียนจากเหตุการณ์ไฟไหม้ตลาดสำเพ็งเมื่อช่วงกลางปี 2565 อันมีสาเหตุมาจากหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด จนทำให้เกิดความเสียหายทั้งในชีวิตและทรัพย์สินโดยรอบ ซึ่งไม่อาจประเมินค่าความเสียหายได้ จึงทำให้ผู้คนต่างสงสัยว่าหม้อแปลงไฟฟ้าคืออะไร? และเหตุใดจึงเกิดไฟไหม้ขึ้นได้?

 

หม้อแปลงไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ส่งถ่ายพลังงานที่ประกอบ   ไปด้วยแกนเหล็ก ขดลวด และน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า เป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งจากเหตุเพลิงไฟไหม้ที่ตลาดสำเพ็ง สามารถสันนิษฐานหรืออธิบายในเบื้องต้นได้ว่า ภายในหม้อแปลงไฟฟ้าน่าจะเกิดความร้อนสูงอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากความต้องการใช้กระแสไฟที่สูง ประกอบกับอุณหภูมิของอากาศโดยรอบก็สูงด้วยเช่นกัน จึงทำให้น้ำมันหม้อแปลงที่มีหน้าที่หลักในการระบายความร้อนจากภายในสู่ภายนอกหม้อแปลงไม่สามารถระบายความร้อนไม่ทัน ส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมจนถึงอุณหภูมิติดไฟ และเกิดการระเบิดขึ้นมาในที่สุด


แรกเริ่มเดิมที น้ำมันหม้อแปลงที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ น้ำมันแร่ หรือที่เรียกกันว่า มิเนอร์รอล ออยล์ (Mineral Oil)  ซึ่งเป็นผลพลอยได้มาจากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมในธุรกิจพลังงาน และมีจุดติดไฟที่ 160°C


ในปัจจุบัน มีเทคโนโลยีน้ำมันหม้อแปลงจากบริษัท คาร์กิล สหรัฐอเมริกา ที่เรียกว่า น้ำมัน FR3® หรือ น้ำมันเนเชอรัล อีสเธอร์ (Natural Ester) เป็นน้ำมันธรรมชาติที่ได้จากพืช ซึ่งในที่นี้จะขอเรียกว่า น้ำมัน FR3® 


น้ำมัน FR3® เป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติติดไฟได้ยากกว่าน้ำมันแร่แบบเดิม โดยมีอุณหภูมิติดไฟสูงถึง 360°C ประกอบกับ ยังมีคุณสมบัติในการถ่ายเทความร้อนที่เหนือกว่า ซึ่งจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการระบายความร้อน ลดความเสี่ยงในการติดไฟ และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ระบบนิเวศโดยรอบ ทั้งยังช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของหม้อแปลงไฟฟ้า เนื่องจากความเสถียรของอุณหภูมิการใช้งานและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่ระบบโดยรวมอีกด้วย  


ไม่เพียงเท่านี้ ด้วยความที่น้ำมัน FR3® เป็นน้ำมันธรรมชาติที่ได้จากพืช โดยปราศจากกระบวนการทางเคมีในการแปรรูป จึงทำให้น้ำมัน FR3® ไม่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อมและสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ เช่นในกรณีที่น้ำมันเกิดการรั่วไหลสู่แหล่งน้ำต่างๆ และรวมไปถึงพื้นที่ชุมชน น้ำมันจะสลายตัวเองตามธรรมชาติในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบใดๆแก่ระบบนิเวศในระยะยาว


ตลอดระยะเวลายาวนานมากกว่า 25 ปี มีการติดตั้งใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้าน้ำมัน FR3® มาแล้วทั่วโลก มากกว่า 3.5 ล้านเครื่อง โดยไม่มีรายงานการเกิดไฟไหม้เลยแม้แต่เพียงเครื่องเดียว และมากกว่า 5 ปีที่มีการใช้น้ำมัน FR3® ในประเทศไทย โดยเริ่มใช้กับหม้อแปลงไฟฟ้าในชุดยูนิต-สับสเตชั่น (Unit-Substation) ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน ภายใต้การดูแลของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และขยายไปยังพื้นที่หัวเมืองหลัก เช่น นครราชสีมา, เชียงใหม่, และภูเก็ตภายใต้การดูแลของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ด้วยชุดยูนิต-สับสเตชั่น (Unit-Substation) นั้นได้ถูกติดตัั้งอยู่ในชุมชนเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย จึงทำให้หม้อแปลงไฟฟ้าต้องใช้น้ำมันหม้อแปลงที่มีคุณสมบัติติดไฟได้ยากและสามารถระบายความร้อนได้ดี เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับผู้คนที่ใช้ชีวิตโดยรอบ อีกทั้ง ในปี 2566 การไฟฟ้านครหลวง ได้มีการศึกษาและวางโครงการสถานีไฟฟ้าใต้ดิน ลุมพินี กับหม้อแปลงไฟฟ้า ขนาด 36/48/60 เมกะวีเอ (MVA) ร่วมกับน้ำมันเนเชอรัล อีสเธอร์ และนี่จะเป็นโครงการแรกที่ให้น้ำมัน เนเชอรัล อีสเธอร์กับหม้อแปลงพาวเวอร์ (Power Transformer) ในประเทศไทย  โดยคาดว่าจะเริ่มสร้างภายในปี 2569 นี้


หากต้องการอัพเดตข่าวสารและสาระความรู้เกี่ยว น้ำมัน FR3® เพิ่มเติม สามารถย้อนอ่านบทความที่น่าสนใจความก่อนหน้านี้ได้ และขอแนะนำบทความล่าสุดในหัวข้อที่ว่า “น้ำมันปาล์มสาารถใช้แทนฉนวนเหลวเอสเทอร์ธรรมชาติสำหรับหม้อแปลงไฟฟ้าได้หรือไม่?”


                           

โพสต์โดย Phoonnichaya
ที่ November 6, 2024 ที่ 17:33

สั่งซื้อ กลับไปหน้าหลัก